- 09.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 6-7 เคาน์เตอร์ Pสายการบินเคแอลเอ็ม รอยัลดัชแอร์ไลน์ (KLM Royal Duch Airlines -KL) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการ เช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน12.05 น. ออกเดินทางสู่สนามบินนานาชาติสคิปโฮล อัมสเตอร์ดัม (Schiphol Amsterdam Airport) เที่ยวบินที่ KL876 (1215-1845)ใช้เวลาบินประมาณ 12.10 ชม.18.45 น. เดินทางถึงสนามบินสคิปโฮล อัมสเตอร์ดัม รอเปลี่ยนเครื่องบินต่อไปยังภูมิภาคลาตินอเมริกา21.05 น. ออกเดินทางต่อไปยังเมืองบัวโนสไอเรส โดยเที่ยวบินที่ KL701 (21.05-05.55+1)
ทัวร์อเมริกาใต้ 5 ประเทศ ทัวร์อาร์เจนติน่า ทัวร์บราซิล ทัวร์ชิลี ทัวร์เกาะอีสเตอร์ ทัวร์เปรู ทัวร์โบลิเวีย

ทัวร์
อเมริกาใต้
ระยะเวลา
20 วัน
สายการบิน

วันเดินทาง
29 เมษายน - 16 พฤษภาคม 2563
Hilight
ทัวร์อเมริกาใต้ เที่ยวครบ ทัวร์อเมริกาใต้ 5 ประเทศ 20 วัน ชมเปรู มาชูปิกชู ชิลีเกาะอีสเตอร์ โบลิเวียทะเลเกลืออุยโยนี อาร์เจนตินาน้ำตกอิกัวสุ บราซิล ริโอ เดอ จานาโร รูปปั้นพระเยซู จัดโดย โกลบอล ฮอลิเดย์
เส้นทางทัวร์อเมริกาใต้
บัวโนสไอเรส – น้ำตกอีกวาซู – รีโอ เดจาเนโร – ซานเตียโก- เกาะอีสเตอร์ – ลิมา – กุสโก - มาชู ปิกชู – หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ – ทะเลเกลือ อุยโยนี โบลิเวีย
โกลบอล ฮอลิเดย์ ขอเสนอโปรแกรมสุดยอดเยือนลาตินอเมริกา หรือ ทัวร์อเมริกาใต้ ทัวร์อเมริกาใต้ ทัวร์อเมริกาใต้ 5 ประเทศ 20 วันทัวร์อเมริกาใต้ราคาถูกสุดเมื่อเทียบกับที่อื่น เริ่มที่ ประเทศเปรูและชิลี ที่หลายท่านใฝ่ฝันสู่การเดินทางอันแสนไกล สู่อีกฟากฝั่งของโลก ประเทศเปรู มาชูปิกชู ความลึกลับของนครที่สาบสูญ สู่ประเทศชิลี เรานำท่านสำรวจดินแดนอันไกลโพ้นที่ เกาะอีสเตอร์ สถานที่ที่โดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแปซิฟิก น้อยคนนักที่จะเคยเดินทางมาเยือน ร่วมค้นหาที่มาของรูปสลักหินที่ตั้งอยู่ทั่วเกาะ หรือ โมอาย มีที่มาอย่างไร ทะเลสาบเกลืออุยโยนีที่โบลิเวีย (Uyuni salt lake) เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม หรือ ทะเลสาบแห้ง (salt flat หรือ dry lake) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,600 เมตร ชมน้ำตกอิกัวสุ น้ำตกที่มีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาใต้ชมทั้งสองฝั่งอาร์เจนติน่าและบราซิล
แผนการท่องเที่ยว
-
Day 1กรุงเทพฯ – อัมสเตอร์ดัม - บัวโนสไอเรส : ประเทศอาร์เจนติน่า
-
Day 2บัวโนสไอเรส : ประเทศอาร์เจนติน่า
- 05.55 น. เดินทางถึงกรุงบัวโนสไอเรส ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่โรงแรม พักผ่อนที่โรงแรม ARGENTINA TOWER STUDIO HOTEL, 4* หรือเทียบเท่า -- 109.00 น. รับประทานอาหารเช้านำชมเมืองหลวง บัวโนสไอเรส (สเปน: Buenos Aires, อ่าน บเว-โน-ไซ-เรส) เป็นเมืองหลวง เมืองใหญ่ที่สุด และเมืองท่าของประเทศอาร์เจนตินา ริมชายฝั่งทางใต้ของรีโอเดลาปลาตา (Río de la Plata) บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ตรงข้ามกับเมืองโกโลเนียเดลซากราเมนโต ประเทศอุรุกวัยเนื่องจากได้รับวัฒนธรรมยุโรปมาอย่างเข้มข้น บางครั้งบัวโนสไอเรสจึงถูกเรียกว่า "ปารีสใต้" หรือ "ปารีสแห่งอเมริกาใต้" เมืองนี้เป็นเมืองสมัยใหม่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา โดยมีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรม ชีวิตกลางคืน และกิจกรรมทางวัฒนธรรมเริ่มสำรวจเมืองหลวงที่ May Square หรือ พลาซ่า เดอเมโย (Plaza de Mayo) จัตตุรัสกลางเมืองหลวง ที่เคยเป็นสถานที่สำคัญในการต่อสู้เพื่ออิสระภาพในวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ.1810 ชมวิหารบัวโนสไอเรส The Buenos Aires Metropolitan Cathedral ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-เรเนอซองซ์ ส่วนการตกแกต่งเป็นแบบ นีโอบาร็อค สถานที่ฝังศพของนายพลโฮเซ่ เดอ ซานมาร์ติน ผู้กอบกู้อิสรภาพให้อาร์เจนติน่าชมทหารรักษาการณ์ที่แต่งกายในเครื่องแบบเกรอนาดิเยร์ต่อด้วยย่าน San Telmo และถนน Cobbled ที่เต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคม มีร้านค้างานศิลปเก่าๆ มากมาย เดินทางย่าน La Boca ถนนคนเดิน Caminito หรือ Little walkway ถนนแคบๆ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่ทาสีสันสดใส ที่เต็มไปด้วยศิลปินที่ทำการค้าขายงานศิลปะของพวกเขา ถนนเส้นนี้จึงเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต และสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปิน และนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอย่าง Juan de Dios Filiberto ผู้สร้างจังหวะแทงโก้อันโด่งดังกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารท้องถิ่นจากนั้นนำท่านชมย่าน Puerto Madero เป็นเมืองใหม่ที่มีการวางผังเมืองที่ดีตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Rio de la Plata ที่แสดงถึงสถาปัตยกรรมของบัวโนสไอเรสยุคล่าสุดนำชมต่อในย่านดาวน์ทาวน์ Recoleta ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยและแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่น แบรนด์เนมผ่านชมโอเปร่าเฮ้าส์ โกลอน (Colon Theatre) โอเปร่าเฮ้าส์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สถานที่แสดงบัลเล่ต์และวงซิมโฟนี่ชมสถานที่ฝังศพของเอวิต้า เปรอง (Tomb of Evita Peron) อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้นายพลฮวน เปรอง ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี, เอวิต้า เปรอง เสียชีวิตในวัยเพีง 33 ปี ด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก การเสียชีวิตของเธอสร้างความเสียใจให้แก่ประชาชนชาวอาร์เจนติน่าเป็นอย่างมาก ประวัติชีวิตของเอวิต้า เปรอง ได้มีผู้นำมาเขียนเป็นหนังสือ ละครเวที และภาพยนตร์ค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม ARGENTINA TOWER STUDIO HOTEL 4* หรือเทียบเท่า -- 2
-
Day 3บัวโนสไอเรส – น้ำตกอีกวาสุ ฝั่งอาร์เจนตินา – ล่องเรือ
- 06.00 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ้าท์นำท่านเดินทางสู่สนามบินภายในประเทศ AEROPARQUE JORGE NEWBERY AIRPORT (AEP)09.05 เดินทางสู่สนามบินอิกัวสุ ฝั่งอาร์เจนติน่า โดยสายการบินอาร์เจนติน่า เที่ยวบินที่ AR1720 (0905-1055)10.55 ถึงสนามบิน Cataratas (IGR) Puerto Iguazu International Airportกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารบ่าย นำท่านชม น้ำตกอิกวาสุ น้ำตกที่มีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาใต้ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่กว่าน้ำตกไนแองการ่าถึง 4 เท่า กว้างกว่า 2 กิโลเมตร บางช่วงสูงกว่า 100 เมตร มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้า ซึ่งเกิดจากแม่น้ำริโอ อิกวาสุ ทั้งสายไหลจากหน้าผาเบื้องบนลงสู่หุบเหวอันลาดชันเบื้องล่าง ตลอดแนวน้ำตก มีโขดหินที่แบ่งน้ำตกออกเป็นน้ำตกย่อยๆ เกือบ 30 แห่ง พลังของน้ำที่ตกลงมาก่อให้เกิดเสียงครึกโครมละอองน้ำกระจายไปทั่วบางครั้งอาจเกิดรุ้งกินน้ำอย่างสวยงามชมน้ำตกฝั่งอาร์เจนติน่า Upper Circuit และ จุดชมน้ำตก Devil's ThroatOptional สำหรับท่านที่ต้องการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมน้ำตก กรุณาติดต่อมัคคุเทศน์ท้องถิ่น (ค่าบริการไม่รวม)ค่ำ รับประทานอาหารค่ำเดินเข้าสู่ที่พักโรงแรม VIALE TOWER (DELUXE ROOM) หรือเทียบเท่า – 3www.vialehoteis.com.br
-
Day 4น้ำตกอิกัวสุฝั่งบราซิล- ริโอ เดอจาเนโร - หาดโคปาคาบาน่า
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมนำท่านชมน้ำตกอิกัวสุ ฝั่งบราซิล ลงลิฟท์ลงสู่เบื้องล่าง ไปที่จุดชมน้ำตก Salto Floreano จากนั้นนำท่านล่องเรือไปบนสายน้ำ เพื่อชมน้ำตกอย่างใกล้ชิดด้วยโปรแกรม Macuco Safari (เตรียมตัวเปียกกันหน่อยนะคะ)11.00 ได้เวลานัดหมาย นำท่านเดินทางสู่สนามบินภายในประเทศ (อิสระอาหารกลางวันภายในสนามบิน)12.35 ออกเดินทางสู่กรุงริโอ เดอจาเนโร ด้วยเที่ยวบินที่ JJ3186 (1235-1445) ใช้เวลาบินประมาณ 1.55 ชม.14.30 ถึงริโอฯ ตามเวลาท้องถิ่นจากนั้น นำชมย่านชายหาดโคปาคาบาเป็นชายหาดที่ยาวกว่า 4 กิโลเมตร มีทางเดินเลียบชายหาดสไตล์โปรตุเกสที่ปูกระเบื้องเป็นรูปคล้ายลอนคลื่นทะเล ชายหาดโค้งรับกับหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าใส แต่สิ่งที่ทำให้ชายหาดดูมีสีสันคือสาวแซมบ้าแสนเซ็กซี่กำลังอาบแดดบน ชายหาดในชุดบิกินี่ เดินเที่ยวชมหาดและอิสระจนได้เวลาอาหารค่ำค่ำ รับประทานอาหารค่ำพร้อมด้วยการชมระบำแซมบ้า การเต้นที่เร้าใจผู้คนทั่วโลกพักผ่อนที่โรงแรม WINDSOR PLAZA (STANDARD ROOM) 4*หรือเทียบเท่า – 4www.winsorhoteis.com
-
Day 5ริโอ เดอ จาเนโร - รูปปั้นพระเยซู - สนามบิน – ซานติอาโก ชิลี
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมนำท่านเดินทางสู่ ภูเขาคอร์โควาโด (Corcovado) เป็นที่สถิตรูปปั้นยักษ์ของพระเยซู ที่โปรดให้พ้นบาป มีความสูง 30 เมตร กำลังมองข้ามเมือง Riode Janeiro หนึ่งในรูปปั้นสูงที่สุดในโลก. รูปปั้นแสดงพระเยซูยืนยื่นแขนออกมาต้อนรับเป็นหนึ่งของสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากของเมืองนี้ พัฒนาโดยวิศวกร Heitor da Silva Costa และองค์กรสร้างขึ้นในปี 1921 โครงการทำเกือบ 5 ปี จึงเสร็จ รูปปั้นอยู่บนภูเขา Corcovado (ภูเขา Hunchback ) ตั้งในอุทยานแห่งชาติ Tijuca เป็นสถานที่ปิคนิกที่รื่นเริง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปฐานของรูปปั้น ซึ่งสูง 709 m ( 2326 ฟุต ) สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขา Sugar Loaf กลางเมือง Rio de Janeiro และชายหาดได้อย่างสวยงาม รูปปั้นได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อีกด้วยกลางวัน รับประทานอาหารกลางวันจากนั้น นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่ยอดเขาซูการ์โลฟ เป็นภูเขาที่มีความสูงถึง 1,400 เมตร ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนปลายแหลม ปากอ่าวกัวนาบารา ให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ อันงดงามของ เมือง ริโอ นี้ได้อย่างเต็มที่บนนี้ท่านสามารถมองเห็นฝั่งทะเล ผ่าน ชายหาด โคปาคาบานา ชายหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตรได้อย่างชัดเจนจากนั้นชมย่านดาวน์ทาวน์ ผ่านชมวิหารย่านใจกลางเมือง Metropolitan Cathedral สวนสาธารณะอันร่มรื่พร้อมทั้งชมสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ชื่อ มาราคาน่า จุผู้ชมได้ถึง200,000 คน สร้างขึ้นเมื่อปี 1950 นอกจากสถานที่นี้จะใช้เป็นการแข่งขันฟุตบอลแล้ว ยังใช้เป็นการจัดเวทีแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งอีกด้วย16.00 น. เดินทางกลับโรงแรมที่พัก เพื่อรับประทานอาหารเย็นก่อนออกเดินทางสู่สนามบิน20.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองซานติอาโก ประเทศชิลี โดยสายการบิน Latam Airline Brasilเที่ยวบินที่ JJ8138 (2000-2340) ใช้เวลาบิน 4.40 ชั่วโมง23.40 น. เดินทางถึงสนามบิน Comodoro Arturo Merino Benitez International Airport หรือ Santiago International Airport ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นำท่านเดินทางพักผ่อนที่โรงแรมพักผ่อนที่โรงแรม HOTEL GALERIAS, SANTIAGO DE CHILE หรือเทียบเท่า -- 5 www.hotelgalerias.cl
-
Day 6ซานติอาโก – Valparaiso ฟาลปาไรโซ : Unesco World Heritage
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมนำท่านเที่ยวชมเมืองซานติอาโก นครในอ้อมกอดของขุนเขา ปัจจุบันซานติอาโกมีประชากรประมาณ 12 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประเทศชิลี ประเทศชิลี มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐชิลี (República de Chile) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ติดชายฝั่งทะเลยาวระหว่างเทือกเขาแอนดีสกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตจรดประเทศอาร์เจนตินาทางทิศตะวันออก จรดโบลิเวียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจรดเปรูทางทิศเหนือ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของประเทศมีความยาว 6,435 กิโลเมตร ชิลีมีดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยครอบครองหมู่เกาะควนเฟร์นันเดซ เกาะซาลาอีโกเมซ หมู่เกาะเดสเบนตูราดัส และเกาะอีสเตอร์ในโพลินีเซีย ชิลียังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาด้วยชมย่านธุรกิจการเงิน แซนฮัตตัน (Sanhattan เลียนแบบชื่อเมือง แมนฮัตตัน) คือชื่ออย่างไม่เป็นทางการให้กับพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซานติอาโก ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารสมัยใหม่จำนวนมาก อาทิเช่น อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย ร้านอาหาร โรงแรมและธนาคาร ที่ดินแถบนี้จึงมีราคาแพงที่สุด มีอาคารสูงอย่างเช่น Titanium La Portada ซึ่งมี 52 ชั้น และสูง 192 เมตร และมีอาคาร Torre Gran Costanera ที่สูง 300 เมตร มี 60 ชั้นเป็นหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ชมย่านใจกลางเมือง จัตุรัสอาร์มัส (Plaza de Armas) เดิมสถานที่แห่งนี้เคยจัดเป็นตลาดนัดและสถานที่ แขวนคอนักโทษ ปัจจุบันร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ เป็นศูนย์รวมของคนสูงอายุ คนจรจัดและคู่รักชมย่านเมืองเก่าบาร์ริโอ-ปารีลงดร์ (Barrio Paris-Londres) คืนพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่ล้อมรอบใจกลางเมือง ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าที่ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของซานติเอโก ที่มีความเจริญรุ่งเรืองของปี ค.ศ. 1920 และมหาวิทยาลัยบาร์ริโอเที่ยง รับประทานอาหารกลางวันออกเดินทางจากซานติอาโกเลียบไปตามชายฝั่งทะเลประมาณ 68 กิโลเมตร สู่เมือง Valparaiso ในเวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมงช่วงแรกเส้นทางจะข้ามหุบเขา Curacavi กับการทำสวนผลไม้ ไร่องุ่น, ตลาดผลไม้เล็ก ๆ และร้านอาหาร จากนั้นผ่านหุบเขา Casablanca แหล่งผลิตไวน์พื้นที่มีชื่อเสียง แล้วพบกับความเขียวขจีของ captivates เดินทางถึง Valparaiso dubbed เมืองโบราณมรดกโลกโดยยูเนสโก นำท่านชมเมืองผ่านตรอกซอกซอยแคบ ๆ ที่คดเคี้ยวผ่านภูเขา ชมโรงละครธรรมชาติ ฟังประวัติศาสตร์เมืองเก่าที่ทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงงดงาม ชมทั่วไป Valparaisoเย็น เดินทางกลับเมืองซานติอาโกค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ Como Agua para Chocolate Restaurantพักผ่อนที่โรงแรม HOTEL GALERIAS, SANTIAGO DE CHILE หรือเทียบเท่าwww.hotelgalerias.cl
-
Day 7ซานติอาโก - เกาะอีสเตอร์ - รูปปั้นปริศนา 7 โมอาย
- 06.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังสนามบิน08.30 น. เครื่องบินเหินฟ้าสู่เกาะอีสเตอร์ โดยสายการบินแลน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ LA841 (0830-1225) ใช้เวลาบินประมาณ 5.55 ชม.12.20 น. ถึงเกาะอีสเตอร์ นำท่านเดินทางเช็คอินเข้าที่พักรับประทานอาหารกลางวันบ่ายๆ ทัวร์ชมเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND) หรือตามภาษาถิ่นเรียกว่า เกาะราปานุย (RAPA NUI) และในภาษาสเปนเรียกว่า เกาะปัสกวา (ISLA DE PASCUA) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ในการปกครองของประเทศชิลี ซึ่งเกาะห่างจากฝั่งประเทศชิลีกว่า 3,600 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันตก และอยู่ห่างฝั่งทางทิศตะวันออกถึง 2,000 กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก ลักษณะของเกาะมีขนาดเล็ก มีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาวด้านที่ยาวที่สุด 25 กิโลเมตร บนเกาะอีสเตอร์มีรูปสลักหินปริศนา “โมอาย” (MOAI) ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ส่วนศรีษะมีขนาดใหญ่ บางตัวใส่หมวก โมอายถูกพบตามแหล่งฐานหินที่เรียกว่า “อาฮู” (AHU) ซึ่งพบเห็นกระจายอยู่ทั่วเกาะกว่า 300 แห่ง โมอายถูกพบมากกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ ในเขตอุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี โมอายเกือบทั้งหมดที่พบนั้นถูกแกะสลักมาจากหินก้อนเดียว แต่ก็มีบางตัวซึ่งมี “พูเกา” (PUKAU) ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ โมอายเกือบทั้งหมดถูกแกะสลักมาจากเหมืองหินที่ราโน ราราคู (Rano Raraku) นอกจากนั้นในการค้นพบ โมอายเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอน ซึ่งเชื่อว่าชาวพื้นเมืองบนเกาะเป็นผู้ทำให้มันล้ม และถูกฝังมานานนับปี ความหมายและวัตถุประสงค์ของการสร้างโมอายนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานาข้อสันนิษฐานที่แพร่หลายมากที่สุดข้อหนึ่ง คือ รูปปั้นโมอายถูกแกะสลักโดยพวกโพลิเนเชียน (Polynesian) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ข้อสันนิษฐานนี้เชื่อว่าพวกโพลิเนเชียนอาจสร้างโมอายขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งมีความสำคัญในสมัยนั้น หรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของครอบครัวโมอายได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1990 ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้1. เป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด2. เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว3. เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตามกาลเวลานำท่านเดินทางสู่ตอนกลางของเกาะอีสเตอร์ เพื่อชม อาฮู อากิวี โมอาย (AHU AKIVI MOAI) ซึ่งมี 7 ตัว เชื่อกันว่าเป็นตัวแทนของเจ็ดพี่น้องที่ถูกส่งมาสำรวจเกาะแห่งนี้ เนื่องจากโมอายที่นี่หันหน้าออกไปทางทะเลค่ำ รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนที่โรงแรม ALTIPLANICO EASTER ISLAND HOTEL หรือเทียบเท่า http://www.altiplanico.cl/en/altiplanico-easter-island/
-
Day 8เกาะอีสเตอร์ - ราโน ราราคู
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมนำท่านเดินทางไปทางใต้ของเกาะอีสเตอร์ เพื่อเยี่ยมชมแหล่งที่ค้นพบโมอายมากที่สุดที่ เหมืองหินราโน ราราคู (RANO RARAKU) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่เกือบ 400 ตัว นอกจากนี้ยังมีก้อนหินที่ยังไม่แกะสลักอีกกว่า 900 ก้อน โมอายบางตัวอยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ บางตัวยังถูกแกะสลักอยู่ครึ่งๆ กลางๆ อยู่ในลักษณะตั้งยืนบ้าง ล้มนอนบ้าง ทำให้มีการสันนิษฐานว่าเหมืองหินได้ถูกทิ้งร้างไปอย่างกระทันหันจากนั้นชมโมอายที่ อาฮู ตองการิกิ (AHU TONGARIKI) ที่ค้นพบโมอายขนาดใหญ่ที่สุดเรียงเป็นแถว 15 ตัว ในปี ค.ศ. 1960 ได้เกิดคลื่นยักษ์ซูนามิ จึงทำให้เกิดความเสียหายแก่โมอาย ทำให้ส่วนหมวกกระเด็นหลุดไป เหลือเพียงตัวหนึ่งที่ยังมีหมวกอยู่ อาฮูแห่งนี้ได้รับการบูรณะจากบริษัทญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ. 1992-1995เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันแบบกล่องจากนั้นเดินทางไปยังชายฝั่งตะวันออก ชม อาฮู เต ปิโต คูรา (AHU TE PITO KURA) เป็นโมอายที่มีขนาดใหญ่สุด ที่ถูกขนส่งมาด้วยระยะทางที่ไกลที่สุด สูงถึง 10 เมตร หนักถึง 80 ตัน อยู่ในสภาพนอนล้มลงนำท่านชม ถ้ำอานา เต ปาฮู (ANA TE PAHU CAVE) เป็นถ้ำลาวาที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ และ อาฮู เตเปอ (AHU TEPEU) ชมโมอายอีกแห่งที่อยู่ในสภาพเดิมๆและใส่หมวก (Topknot)จากนั้นชม ชายหาดอานาเคนา (ANAKENA BEACH) เป็นหาดทรายสีขาวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ เป็นบริเวณแรกที่มีการตั้งรกรากอาศัยอยู่บนเกาะและเป็นบริเวณที่พำนักของกษัตริย์ชาวราปานุยในอดีต เดินเล่นสัมผัสไออุ่นของน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้ๆกัน ชมโมอาย อาฮู เนา เนา (AHUS NAU NAU) ถูกบูรณะตั้งให้อยู่ในสภาพที่ยืนเรียงแถวอย่างสมบูรณ์ และ โมอาย อาฮู อาตาเร่ ฮูเก้ (AHU ATARE HUKE) ซึ่งคนพื้นเมืองชาวเกาะได้ช่วยกันบูรณะขึ้นมาในปี ค.ศ. 1955 ได้เวลาพอสมควร เดินทางกลับที่พักค่ำ รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนที่โรงแรม ALTIPLANICO EASTER ISLAND HOTEL หรือเทียบเท่า http://www.altiplanico.cl/en/altiplanico-easter-island/ --- 8
-
Day 9เกาะอีสเตอร์ - ซานติอาโก
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมหลังอาหารเช้านำท่านย้อนเวลาอีกครั้งสู่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของเกาะราปานุย ที่หมู่บ้านหิน Orongo ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอีสเตอร์ ที่มีปากปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว เป็นหน้าผาสูงประมาณ 300 เมตร สถานที่ทำพิธีกรรมบูชาบรรพบุรุษ เมื่อรูปปั้นโมอายถูกทำลายและเกิดความวุ่นวายขึ้นบนเกาะ การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ อำนาจทางโลกถูกยึดโดยนักรบผู้มีสัญลักษณ์ “Birdman” เกิดความเสื่อมในการเคารพบูชาบรรพบุรุษ, Orongo คือแหล่งรวบรวมราปานุยแห่งสุดท้ายก่อนเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ มีการแข่งขันหาผู้ที่แข็งแกร่งเป็น Birdman ด้วยการแข่งขันหาไข่นกใบแรกในฤดูกาลบริเวณนอกชายฝั่งเกาะ Motu Nui ผู้พิชิตรายแรกจะได้รับยกย่องเป็น Birdman แห่งปีได้เวลาพอสมควร11.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน14.25 น. ออกเดินทางโดยสายการบินแลน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ LA842 (1425-2055) สู่ซานติอาโก ใช้เวลาบิน 4.30 ชม.20.55 น. เดินทางถึงเมืองซานติอาโกค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม HOLIDAY INN – Santiago Airport 3* www.holidayinn.cl หรือเทียบเท่า
-
Day 10ซานติอาโก - ลิม่า (ประเทศเปรู)
- เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม หรือ รับอาหารกล่อง06.30 เช็คเอ้าท์ และนำท่านเดินทางสู่สนามบิน08.15 ออกเดินทางสู่เมืองลิม่าประเทศเปรู โดยเที่ยวบินที่ LA536 (0815-1055)10.55 ถึงสนามบินจอร์ช ชาว์เวซ (Jorge Charvez International Airport) กรุงลิมา ประเทศเปรู (เวลาช้ากว่าประเทศ ไทย 12 ช.ม.)“เปรู” เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรอินคาโบราณ ด้วยเหตุนี้ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ของอานาจักรอินคา จึงยังมีหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ลิมา เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค มีความสูงระดับเดียวกับน้ำทะเลชมเมืองหลวงลิม่า เป็นเมืองหลวงของเปรูและเมืองที่ใหญ่ที่สุด ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1535 เป็นเมืองที่มีความทันสมัยและผสมผสานกับบรรยากาศของสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคม ลิมาเคยถูกปกครองโดยสเปนอยู่ 300 ปี จึงไม่แปลกที่ท่านจะเห็นคริสตจักรที่สวยงามอยู่ทั่วไป ลิม่า ยังเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะลองอาหารยอดเยี่ยมชาวเปรู ซึ่งมีความหลากหลายนำชมย่านธุรกิจ สถานที่ทำการของรัฐบาล และชมเซนต์ฟรานซิสโก คอนแวนซ์ (San Francisco Convent)คริสตจักรที่ก่อตั้งในค.ศ. 1774 สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลของสเปน ห้องสมุดของคอนแวนต์ มีชื่อเสียงระดับโลก ด้านล่างมีที่สถานที่เก็บกระดูกของผู้นำทางศาสนา และมีทางเดินเชื่อมต่อกับโบสถ์ในใกล้กันโบสถ์และคอนแวนต์ เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ประวัติศาสตร์ของลิม่าซึ่งถูกบันทึกอยู่ในรายการยูเนสโกมรดกโลกในปี 1991กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำท่านชมเมืองลิม่า ชมเขตเมืองเก่าย่านจตุรัสอาร์มาส (Plaza de Armas หรือ จัตุรัสมายอร์ Plaza Mayor) มีโบสถ์ฟรานซิสโก มหาวิหารประจำเมือง ภายในวิหารสวยงามเป็นสถานที่ฝังศพของฟรานซิสโก ปิซซาโร่ ชาวสเปนผู้ค้นพบเปรูจากนั้นชมย่าน ซานอิสโตร (San Isidro) ศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการเงิน บริเวณใกล้กันท่านจะได้ชมปิรามิคยุคก่อนอาณาจักรอินคาที่เก่าแก่ มีความซับซ้อนทางโบราณคดีที่สำคัญ เรียกว่า ฮัวกา ฮัวลามาร์กา "Huaca Huallamarca" หรือยังเรียกว่า "Pan de Azúcar" (ขนมปังน้ำตาล) ประเมินว่าสร้างมาประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาลถึง 700 AD) และถูกใช้งานแตกต่างกันในแต่ละยุคสมัย "Huaca Huallamarca" จะถูกรักษาไว้ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมย่านทันสมัยของ San Isidro ที่มีชุมชนซึ่งที่พัฒนาตลอดมาในยุคก่อนสเปนและโปรตุเกส และเป็นสถานที่จัดแสดงพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุที่พบใน "Huallamarca" ตั้งแต่การขุดค้นทางโบราณคดีครั้งแรกในปี ค.ศ. 1958 จากนั้นชมตลาดดอกไม้สดบนถนนรีพับลิก นำชมย่านที่พักอาศัยชานเมืองแถวมิราโฟลเรส (Miraflores) ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความงามของบ้านและสวนนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ (Larco Museum) พิพิธภัณฑ์เอกชนที่รวบรวมวัตถุโบราณอายุกว่า 5 พันปี เป็นเครื่องปั้น และรูปสลักต่างๆ ทองคำ กว่า 45,000 ชิ้นงานค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม MARRIOTT COURTYARD , Lima 4*+ หรือ เทียบเท่าhttps://www.marriott.com/hotels/travel/limlm-courtyard-lima-miraflores/
-
Day 11ลิม่า - คูซโก (Cusco)
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม07.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน09.10 น. ออกเดินทางจากเมืองลิม่า โดยสายการบิน Latam Airlines เที่ยวบินที่ LA 2047 (0910-1045)10.45 น. ถึงสนามบินเมืองคูซโก (CUSCO) เดินทางเข้าสู่ที่พักคูซโก นครหลวงโบราณของชาวเปรู ซึ่งตั้งอยู่ เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400 เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิ อินคาอันรุ่งเรือง ซึ่งทิ้งร่องรอยแห่งความเจริญไว้เป็นซากปรักหักพัง โบราณสถาน และโบราณวัตถุต่างๆ อดีตนครหลวงแห่งจักรวรรดิอินคา ที่นี่เมื่อกว่า 5 ศตวรรษก่อน เคยเป็นศูนย์กลางอำนาจและการปกครองที่แผ่ อิทธิพลครอบคลุมฝั่งตะวันตกในทวีปอเมริกาใต้ เกือบทั้งหมด ก่อนจะตกไปอยู่ในมือนักล่าทองคำ อย่างพวกสเปน แล้วกลายเป็นเมืองขึ้นไปในที่สุด ชมความเหลื่อมซ้อนทางประวัติศาสตร์ของสองอารยธรรม ทั้งจากสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิต ซึ่งยังปรากฏเด่นชัดอยู่กระทั่งทุกวันนี้12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันจากนั้นนำท่านสู่วิหารพระอาทิตย์ (TEMPLE OF THE SUN) หรือที่ชาวอินคาเรียกว่า โกริกันฉะ (KORICANCHA) ที่มีอายุหลายร้อยปี ซึ่งในอดีตเป็นเทวสถานที่สำคัญของชาวอินคา ใช้บูชาเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ในสมัยที่สเปนได้ยึดครอง ได้ทำการเปลี่ยนเป็นโบสถ์และวิหารของชาวคาทอลิคในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยในอดีตนั้นว่ากันว่าวิหารนี้ถูกปกคลุมไปด้วยทองคำทั้งภายในและภายนอก ได้เวลาอันควร นำท่านเดินทางสู่จัตุรัสกลางเมือง (PLAZA DE ARMAS) ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา นำท่านชมมหาวิหารประจำเมือง (LA CATHEDRAL) ชมภาพเขียนสีและแท่นบูชาที่แกะสลักจากไม้บริเวณภายในวิหารจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ซัคซัยอัวมัน (SACSAYHUAMAN) ชมหมู่อาคารและกำแพงที่สร้างจากหินล้วน ชมเทคนิคการวางเรียงหินของชาวอินคาในอดีต ที่ใช้การตัดแต่งหินและวางเรียงเพื่อป้องกันแผ่นดินไหว จากการคำนวณของนักโบราณคดี คาดกันว่าต้องใช้แรงงานประมาณ 20,000 คนกับเวลาสร้างอีก 70 ปี ถึงจะสร้างเสร็จ ก่อนเดินทางสู่ ตัมโบมาเซย์ (TUMBOMACHAY) ที่ในอดีตเคยเป็นที่อาบน้ำแร่ของชนชั้นสูงของชาวอินคาที่ยังคงใช้ได้จนถึงปัจจุบัน นำชมอาคารอาบน้ำขอชาวอินคาโบราณและวีธีการขนส่งน้ำต่างๆค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารนำท่านกลับโรงแรมที่พัก NOVOTEL CUSCO HOTEL 4* เทียบเท่า
-
Day 12คูซโก - ตลาดปิแซค - หุบเขาศักดิ์สิทธิ์อูรูบัมบา – โอแลนเทย์ทัมโบ
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรมออกเดินทางสู่หมู่บ้าน Awana Kancha หมู่บ้านที่ผลิตงานฝีมือของชาวเปรู ที่ที่ท่านสามารถใกล้ชิดกับชาวบ้านที่ทอผ้าและสัตว์ประจำถิ่น จากนั้นเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านปิแซค (Pisac Village) หมู่บ้านชาวอินเดียนที่มีสีสัน ที่พลาดไม่ได้ คือ ตลาดปิแซค บริเวณจัตุรัสกลางหมู่บ้าน เป็นสถานที่ที่รู้จักกันดีที่สุด เป็นตลาดที่มีเสน่ห์ ท่านจะพบกับสินค้าท้องถิ่นมากมาย เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของงานหัตถกรรมท้องถิ่น ชาวบ้านจากหมู่บ้านไกลๆ เดินทางมาเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและขายของพวกเขาผลิต ในส่วนการท่องเที่ยวคุณสามารถซื้อสินค้าของที่ระลึกจากงานหัตถกรรมท้องถิ่นได้ที่นี่ และเป็นงานฝีมือชาวบ้านและมีคำแนะจากหนังสือว่าราคาถูกกว่าที่คุซโก้ (เชื่อหรือไม่ต้องพิสูจน์เองนะคะ) สำหรับท่านที่ไม่ได้ซื้อของการเดินเล่นในตลาด ชมสีสันการแต่งกาย และวิถีชีวิตของผู้คนไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน สินค้า และบรรยากาศของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมตลาดแห่งนี้ ก็เป็นสีสันให้กับการมาเยือนหุบเขาแห่งนี้นำท่านเดินทางสู่หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ แห่งอูรูบัมบ้า (Sacred Valley of Incas หรือ Urubamba Valley) หุบเขาที่งดงามบนเทือกเขาแอนดีส ลัดเลาะไปตามแม่น้ำอูรูบัมบ้า ชาวท้องถิ่นเรียกที่นี่ว่า เอล วาล ซากราโด้ หรือหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ ห่างจากคุซโก้ 60 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,792 เมตร (9,160 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเลในเขตจังหวัด Urubamba ระหว่างทางชมทัศนียภาพของภูมิประเทศที่งดงามมหัศจรรย์กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันนำท่านเดินทางสู่เมือง โอแลนเทย์ทัมโบ ประมาณกลางศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิอินคา Pachacuti เอาชนะเมืองข้างเคียง Ollantaytambo และรวบรวมเป็นจักรวรรดิ์และสร้างใหม่เมืองขึ้นมา ได้ทำการสร้างเมืองลดหลั่นเป็นชั้นเพื่อการชลประทานในหุบเขาอูรูบัมบ้า และจัดที่พักสำหรับขุนนางเพื่อดูแล หลังจากการตายของ Pachacuti เมือง Ollantaytambo ตกมาภายใต้การบริหารของตระกูล panaqa ต่อมามีการรุกรานของสเปน เมืองโอแลนเทย์ทัมโบ ถูกแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงเพื่อบัญชาการรบและต้านกองกำลังสเปนนำท่านสู่ป้อมโอแลนเทย์ทัมโบ (Ollantaytambo) เป็นซากเมืองอินคาโบราณในภาคใต้ของเปรู ซากเมืองสร้างด้วยหินขนาดใหญ่ ในอดีตชาวอินคาใช้ป้อมเมืองแห่งนี้ในการต่อต้านสเปน และมีชัยชนะเหนือสเปน แต่ต่อมาสเปนได้โจมตีกลับอย่างหนักและทำลายป้อมและเมืองลงอย่างย่อยยับ วันนี้มีอาคารบ้านเรือนบางส่วนสร้างทับอยู่บนป้อมเมืองโบราณ ได้เวลาพอสมควรเดินทางกลับเมืองคูซโกค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม NOVOTEL CUSCO HOTEL 4* เทียบเท่า -- 12กรุณาจัดกระเป๋าสัมภาระที่จำเป็นเพื่อพักค้างคืนบนอควาส์ คาเลียนเต้ 2 วัน 1 คืนหมายเหตุ : โปรดทราบการโดยสารรถไฟเพื่อขึ้นไปยังสถานีอควาส์ คาเลียนเต้ส์ นั้น ท่านมีสัมภาระได้เพียง 1 ใบ และมีขนาดไม่เกิน น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม กระเป๋าใบใหญ่ที่แยกแล้วเราจะนำใส่รถที่จัดไว้นำไปฝากไว้ที่โรงแรมในเมืองคูซโก้
-
Day 13คูซโก – ขึ้นรถไฟสถานีโปลอย - มาชูปิกชู - อควาส์ คาเลียนเต้ส์
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม06.05 น. นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟโปซอย กระเป๋าใบใหญ่แยกฝากไว้ที่โรงแรมคูซโก้ กระเป๋าใบเล็กนำติดตัวไปสถานีรถไฟ07.45 น. รถไฟ Vistadome ออกจากสถานีไต่ขึ้นเขาแอนดิสอันยิ่งใหญ่ สู่นครลึกลับมาชูปิกชู (MACHU PICCHU) นครที่สาบสูญไปของอาณาจักรอินคาบนยอดเขาสูงที่มักจะถูกหมอกปกคลุมอยู่เสมอ เป็นนครที่มีผู้พยายามสำรวจค้นหาอยู่เป็นเวลานาน จนถึงปี 1911 นครแห่งนี้จึงปรากฏสู่สายตาชาวโลกในลักษณะสภาพบ้านเมือง บ้านเรือน พระราชวัง วิหาร ซึ่งยังคงสภาพเดิมที่ดีราวกับได้รับการอนุรักษ์ดูแลไว้อย่างน่าอัศจรรย์ ระหว่างทางผ่านชมความสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อมีหมอกหรือฉ่ำฝน จะทำให้ลึกลับเข้ากับสถานที่ ยามที่เมฆลอยต่ำซ่อนยอดเขาไว้ในสายหมอก ข้างทางเป็นแม่น้ำอูรูบัมบา (URUBAMBA) ไหลแรง คดเคี้ยวขนานไปกับทางรถไฟสู่ปลายทางทีสถานีที่เมืองอควาส์ คาเลียนเต้ส์(AQUAS CALIENTES) (ใช้เวลาบนรถไฟประมาณ 3.50 ชั่วโมง)09.53 น. รถไฟถึงสถานี จากนั้นนำท่านออกเดินทางต่อโดยรถโค้ชของอทุยาน ไต่ภูเขาบนเส้นทางอันคดเคี้ยว (ประมาณ 20 นาที) สู่มาชูปิกชู โบราณสถานสมัยอินคาที่ยังคงลึกลับอยู่ในเรื่องราว แม้แต่กับฮิรัม บิงแฮม ผู้ค้นพบที่จริงเขาตั้งใจจะหาเมืองโบราณสองเมือง ที่ปรากฎชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ แต่กลับมาพบเมืองที่ไม่ปรากฎอยู่ในเอกสารใดทั้งสิ้น เลยตั้งชื่อเมืองตามชื่อภูเขาที่เป็นที่ตั้ง (MACHU PICCHU) หมายความว่า OLD MOUNTAIN และข้างๆ ยังมียอดเขา HUAYNA PICCHU หรือ NEW MOUNTAIN ตัวโบราณสถานมาชู ปิกชูนั้นซ่อนอยู่บนยอดเขาสูงเฉียดฟ้า และ ณ ที่นี่คือเมืองที่ไม่กี่ร้อยปีมานี้ยังมีผู้คนอาศัย ก่อนจะถูกทิ้งร้างไปเมื่อสเปนเข้ามาในศตวรรษที่ 15 เมืองที่อาจจะไม่ได้สวยงามสมบูรณ์แบบแต่ความมหัศจรรย์อยู่ตรงสถานที่ตั้งที่สวยด้วยบรรยากาศโดยรอบ นำท่านชมบริเวณรอบเขามาชูปิกชู ชมนครของชาวอินคาในอดีต ชมซากบ้านเรือนและห้องอาบน้ำและพระราชวังของเจ้าผู้ครองอนาจักรอินคาเที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน บนยอดเขามาชูปิกชูที่ Machu Picchu Sanctuary Lodgeบ่ายๆ อิสระให้ท่านเดินชมโบราณสถานมาชูปิกชู และหามุมถ่ายภาพสวยๆกันอย่างเต็มที่ จนได้เวลานัดหมาย นำท่านนั่งรถโค้ชลงจากยอดเขาสู่ที่พักในเมืองอควาส์ คาเลียนเต้ส์ค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม EL MAPI BY INKATERRA หรือเทียบเท่า www.elmapihotel.com
-
Day 14อควาส์ คาเลียนเต้ส์ - ชมพระอาทิตย์ขึ้น มาชู ปิกชู - คูซโก
- เช้ามืด รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม05.30 น. เช้านี้นำท่านโดยสารรถบัสเที่ยวแรก ขึ้นชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครลึกลับมาชูปิกชู ในบรรยากาศยามเช้า หรือ เดินเท้าขึ้นชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขาฮวยนาปิกชู หรือ อิสระเดินเล่นชมเมืองอควาส์ คาเลียนเต้ส์ เมืองเล็กในหุบเขาแห่งแอนดีสที่มีสีสันและมีชีวิตชีวาอย่างมาก ในย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยโรงแรมที่พัก เกตส์เฮ้าส์ ขนาดเล็กน่ารัก ร้านอาหาร ร้านหนังสือ และร้านค้าเล็กๆ ที่จำหน่ายของที่ระลึกมากมายเที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน14.20 น. ได้เวลานัดหมายนำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟที่เมืองอควาส์ คาเลียนเต้ส์15.20 น. รถไฟออกเดินทางไต่ภูเขาแอนดีสอันสูงชันลงมาสู่สถานีรถไฟที่เมืองโอแลนเทย์ทัมโบ และเดินทางต่อสู่สถานีปลายทางที่เมืองโปลอย (POROY)18.50 น. ถึงสถานีรถไฟเมืองโปลอย จากนั้นนำท่านขึ้นรถโค้ชเดินทางสู่เมืองคูซโกค่ำ รับประทานอาหารค่ำนำท่านพักผ่อนที่โรงแรม NOVOTEL CUSCO HOTEL 4* หรือเทียบเท่า
-
Day 15คูซโก้ – ลาปาซ ลาปาซ (La Paz) ประเทศโบลิเวีย
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมนำท่านเดินทางสู่สนามบิน07.50 ออกเดินทางสู่กรุงลาปาซ โดย PERUVIAN AIRLINES เที่ยวบินที่ P9 331 (0750-0950) ใช้เวลาบิน 1 ชม.09.50 เดินทางถึงสนามบินกรุงลาปาซ ทำวีซ่าหน้าด่านเสร็จแล้วนำท่านเดินทางเข้าตัวเมืองลาปาซเมืองลาปาซตั้งอยู่ในหุบเขาแม่น้ำชูกียาปู เบื้องล่างของที่ราบสูงที่ระดับความสูง 3,600 เมตร (11,811 ฟุต) ส่วนบนที่ราบสูงนั้นเป็นเมืองเอลอัลโตซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติ ระบบการขนส่งที่เชื่อมระหว่างสองเมืองได้รับการพัฒนาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ กรุงลาปาซ มีชื่อเมืองเมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษจะมีความหมายว่า "สันติภาพ (peace)" เนื่องจากลาปาซตั้งอยู่บนที่ราบสูงเทียบเท่าทิเบต จึงเป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามอยู่บ่อยครั้งว่าเป็น "ทิเบตแห่งอเมริกา"ชมวิหารเทียฮัวนาโก (Tiahuanaco Temple) แห่งอาณาจักรอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีสในโบลิเวีย ที่ความสูงกว่า 3,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล หนึ่งในอาณาจักรที่เก่าแก่กว่ายุคโคลัมบัส และเก่าแก่กว่าโรมเกือบ 2,000 ปี ชาวอินคาเชื่อว่าตนเองมีต้นกำเนิดจากเกาะพระอาทิตย์บนทะเลสาปติติกากาเมื่อสเปนเข้ามาบุกในศต.ที่ 16 ได้พยายามที่จะทำลาย ต่อมาในศตวรรษที่ 20 การสร้างทางรถไฟได้สร้างความเสียหายให้โบราณสถานแห่งนี้เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันจากนั้นนำท่านชมเมืองลาปาซ ด้วยเคเบิ้ลคาร์ คุณต้องมานั่งให้ได้ในลาปาซ! วิวที่น่าทึ่ง และคุณสามารถเห็นภูเขารอบ ยิ่งไปกว่านั้นมันหายากมี teleferic ในเมืองใหญ่ที่จะชมเมืองลาปาซได้หมดในมุมสูงและกว้างไกลนำท่านชมย่านศิลปะและตลาดแม่มด WITCH MARKET ตลาดที่ขายสินค้าสมุนไพร เครื่องลางของขลัง และตัวอ่อนลามะแห้งที่ชาวโบลิเวียจะนำไปฝังใต้บ้านเพื่อศิริมงคล เดินเล่นเลือกซื้อของฝากและที่ระลึกกันได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ถุงมือ ถุงเท้า หมวกสีสันสดใสแสบทรวง และยังมีตุ๊กตาคุณป้าโบลิเวียที่มีเอกลักษณ์และสีสันเด่นสะดุดตา18.00 รับประทานอาหารค่ำและพักผ่อนที่โรงแรม El Rey Palace Hotel หรือเทียบเท่า
-
Day 16ลาปาซ (La Paz) - อุยโยนี (Uyuni)
- เช้ามืด รับอาหารกล่องจากโรงแรม เช็คเอ้าท์ จากนั้นเดินทางไปสนามบิน06.20 ออกเดินทางโดยสายการบินอมาโซนา เอส.เอ. เที่ยวบินที่ Z8-302 สู่เมืองอุยโยนี (ใช้เวลาบิน 45 นาที)07.05 เดินทางถึงสนามบินอุยโยนี พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ปรับร่างกายกันสักครู่ (การเที่ยวที่เมืองอุยโยนี จะใช้รถ 4x4 นั่งคันละ 3-4 คน)จากนั้นนําท่านเดินทางไปชมสุสานรถไฟ ห่างจากตัวเมืองอุยโยนี ประมาณ 3 กม. ขบวนซากรถไฟนี้ในอดีตเคยใช้เป็นพาหนะขนส่งเกลือ และธาตุอื่นๆ ไปยังท่าเรือในสมัยศตวรรษที่ 19 ที่สร้างโดยวิศวกรชาว อังกฤษ และได้รับการสนับสนุนจากประธานธิบดีโบลิเวียในสมัยนั้น แต่ ชาวพื้นเมืองกลับเห็นเป็นการบุกรุกวิถีชุมชนจึงถูกต่อต้าน ต่อมามี ระบบขนส่งที่ดีกว่า รถไฟจึงถูกทิ้งร้างไว้ และฮอลิวูดเคยใช้สถานที่ถ่าย แห่งนี้ถ่ายทําภาพยนตร์เรื่อง MAD MAX และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งเมื่อมาเยือนอุยโยนี จากนั้นเยี่ยมหมู่บ้านโคลชานี ชาวพื้นถิ่นบริเวณนั้นที่ยังชีพด้วยการทํานาเกลือ ชาวบ้านนําเกลือไปแลกกับ อาหารและของใช้ยังหมู่บ้านใกล้เคียง ชมวิธีการสร้างบ้านเรือนจากก้อนเกลือ และเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกจากนั้นเดินทางไปยังทะเลสาบเกลือ Uyuni เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม หรือ ทะเลสาบแห้ง (salt flat หรือ dry lake) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ประมาณ 11,000 ตารางกิโลเมตร และอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 3,600 เมตร บนเทือกเขาแอนดีส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโบลิเวีย ด้วยความสูงถึงเพียงนี้จึงราวกับว่า Uyuni เป็นดินแดนที่อยู่ท่ามกลางฟากฟ้าและก้อนเมฆ ยามปกติจะเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่มีน้ำทะเลขังอยู่เพียงตื้้น ๆ ส่วนในบางฤดูน้ำอาจระเหยออกจนกลายเป็นทะเลเกลือขาวโพลนซึ่งให้ความสวยงาม และด้วยความน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติเช่นนี้ ทำให้ Uyuni กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของโบลิเวีย ฝัน ชมความสวยงามของทิวทัศน์ที่ประหนึ่งว่ากำลังเดินอยู่ในดินแดนแห่งความสวรรค์บนดินที่ตัดขาดจากความวุ่นวายใด ๆ โดย เยี่ยมหมู่บ้านโคลชานี ชาวพื้นถิ่นบริเวณนั้นที่ยังชีพด้วยการทำนาเกลือ ชาวบ้านนำเกลือไปแลกกับอาหารและของใช้ยังหมู่บ้านใกล้เคียงจากนั้นนำท่านเดินทางไปบนทางหลวงธรรมชาติสู่เกาะกลางทะเลสาบเกลือ ชมโบราณสถานอันเก่าแก่ของชาวอินคา Isla Incahuasi (isla = Island, huasi = house) อันเกิดจากภูเขาไฟที่จมอยู่ใต้ทะเลในยุคก่อนประวัติศาสตร์กว่า 40,000 ปี เมื่อโผล่ขึ้นมาเหนือทะเลสาบจึงกลายเป็นเกาะที่มีซากปะการังเกาะเป็นฟอสซิล และชมต้นตะบองเพ็ชรยักษ์ (การไปชมเกาะ จะขึ้นอยู่กับระดับ หากน้ำท่วมสูงรถอาจเข้าไม่ถึง)จากนั้นไปชมมัมมี่อินคา ที่ถ้ำเชิงภูเขาไฟ Tunupa ที่สงบแล้ว คาดว่าเกิดจากการขาดน้ำและความหนาวเย็น จากนั้นเดินทางต่อไปทางจะวันตกเพื่อชมความงามยามพระอาทิตย์ตกดินที่โรงแรมเกลือค่ำ รับประทานอาหารค่ำพักผ่อนที่โรงแรม Hotel Palacio de Sal , 4* โรงแรมทำด้วยเกลือ
-
Day 17อุยโยนี - ลาปาซ
- เช้า รับประทานอาหารที่โรงแรมเกลือจากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน10.50 ออกเดินทางอุยโยนี สู่เมืองลาปาซ โดยเที่ยวบินที่ Z8-303 (1050-1135) ใช้เวลบิน 45 นาที11.35 ถึงเมือง ลาปาซกลางว้น รับประทานอาหารกลางวันนำท่านชมโบถส์ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church) สร้างเมื่อปีค.ศ. 1549 เป็นงานสถาปัตยกรรมร่วมระหว่างบาร็อคของสเปน จากนั้นนำท่านชม จัตตุรัสมูริลโล (Murillo Square) ที่ตั้งชื่อตามนักต่อสู้เพื่ออิสระภาพ Pedro Domingo Murillo ที่ถูกแขวนคอเสียชีวิตเพื่อปี ค.ศ. 1810 จัตตุรัสรายรอบไปด้วยอาคารที่มีชื่อเสียง โบถส์ และ วังของประธานาธิบดี ที่มียามรักษาการณ์แต่งเครื่องแบบที่ใช้มาตั้งแต่ศต.ที่ 19ชมหุบเขาพระจันทร์ (Valley of the Moon) ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านมาลลาซา (Mallasa Village) หมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากกรุงลาปาซประมาณ 10 กิโลเมตร ภูมิประเทศเต็มไปด้วยหินรูปร่างแปลกๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของลม คล้ายๆ กับคัปปาโดเกียในประเทศตุรกีเย็น รับประทานอาหารเย็นพักผ่อนที่โรงแรม LA PAZ HOTEL El REY PALACE 4* หรือเทียบเท่า
-
Day 18ลาปาซ – ลิมา
- เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม10.29 เดินทางสู่กรุงลิมา โดยสายการบิน P9 330 (1029-1300) ใช้เวลาบิน 3.30 ชม13.00 ถึงสนามบินเมืองลิมา เปรูรับประทานอาหารกลางวันภายในสนามบิน17.00 นำท่านเช็คอิน ที่เคานเตอร์สายการบิน KLMรับประทานอาหารเย็นภายในสนามบิน20.00 ออกเดินทางสู่กรุงอัมสเตอร์ดัม ด้วยเที่ยวบินที่ KL875 (เวลาบิน 12.25 ชั่วโมง)
-
Day 19อัมสเตอร์ดัม - กรุงเทพ
- 15.25 เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ กรุงอัมสเตอร์ดัม17.50 ออกเดินทางด้วย เที่ยวบินที่ KL875 เพื่อเดินทางสู่ประเทศไทย
-
Day 20สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพ
- 09.50 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
Gallery